ผู้เขียน: admin

ประเดิมกันที่บทความแรกเลยจ้า วันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ เหล่านักชิมไปบุก 3 ร้านอาหารน่าไป ที่ตั้งอยู่ย่านประดิพัทธ์ ซึ่งบอกเลยว่าบางร้านคุณอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนก็เป็นได้ 

ย่านประดิพัทธ์มีดียังไง?

อาจจะเป็นคำถามแรกในความคิดของหลาย ๆ คนเลยก็ได้ ประดิพัทธ์อยู่แถวไหน ทำไมไม่ค่อยคุ้นหูเลยนะ แล้วแถวนั้นมีอะไรดีบ้าง เราเองก็เคยมีความคิดนั้นอยู่เหมือนกัน แต่พอได้ลองไปสัมผัสแล้ว ทำให้เห็นว่าแถวประดิพัทธ์มีร้านอาหารเยอะแยะมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอยต่าง ๆ แถมยังมีดีทั้งรสชาติและบรรยากาศที่จะทำให้คุณได้ทานอาหารไทยอร่อยอย่างแน่นอน

บรรยากาศ

ร้านแรกของร้านอาหารน่าไปคือ ร้านบรรยากาศ บอกเลยว่าบรรยากาศของร้านเนี่ยดีสมชื่อจริง ๆ เพราะเขาจัดตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อนและเข้ม แซมด้วยม่านหรือผ้าขาวเกือบทั้งร้าน ซึ่งให้มูด&โทนออกมาในอารมณ์ผ่อนคลาย เย็นสบาย  ดูแล้วสบายตา สบายใจมาก เหมาะกับการไปทานอาหารแบบครอบครัวมาก ๆ และแน่นอนว่าร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศ เพราะทางร้านมีอาหารหลากหลายเมนูให้เลือก แต่ที่จะขอแนะนำวันนี้คือ ข้าวผัดแมวร้องไห้ เพราะรสชาติดีมากกกก และทางร้านเขาให้เครื่องเคียงในจานมาแบบจัดแน่นจัดเต็มจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลาทู ผักสด ผักลวก น้ำพริกเอย ดูแล้วลงตัวมาก ๆ นอกจากจะได้นั่งร้านบรรยากาศดี ๆ แล้วยังได้ทานอาหารไทยอร่อย ๆ ด้วย

พิกัดความอร่อย: ซอย ประดิพัทธ์ 10 กรุงเทพมหานคร (ประดิพันธ์ ซอย 10 ตรงข้ามร้าน Medium&Rare)
เบอร์ 022-791113

FB Page: Ban ya kaad ร้านอาหารไทยย่านประดิพัทธ์ อารีย์ สะพานควาย

ครัวรสนคร

ร้านต่อไปเราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับร้านอาหารไทยสุดอร่อยอย่างอาหารใต้กับร้านครัวรสนคร แหม่ะ! แค่ชื่อก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่านครไหน แต่พอย่างเข้าไปในร้านก็รู้ได้ทันทีเลยว่าจากนครศรีธรรมราช ดินแดนใต้อย่างแน่นอน เพราะทางร้านได้นำรูปภาพของวัดพระธาตุ ซึ่งเป็นวัดประจำเมืองคอนมาเป็นฉากหลัง พร้อมทั้งยังนำเหล่าหนังตะลุงมาแปะไว้ข้างฝาพนังด้วย ซึ่งสามารถบ่งบอกความเป็นใต้ได้ดีมาก ๆ และอีกหนึ่งเมนูที่จะช่วยเน้นย้ำความเป็นใต้แท้ของทางร้านคือ แกงส้ม หรือที่หลาย ๆ คนอาจจะเรียกแกงเหลืองนั่นเอง บอกเลยว่าใครไปทาน แต่ไม่สั่งแกงส้มนี่พลาดมาก เพราะทางร้านเขาใช้เครื่องแกงแบบใต้ต้นตำรับ เข้มข้นถึงใจ เนื้อปลาก็แน่น ยิ่งราดกับข้าวร้อน ๆ ยิ่งตอกย้ำความเป็นชาวใต้ หรอยแรง!

พิกัดความอร่อย: อยู่ในโครงการ The Hub Pahol-Ari เบอร์ 061-7897999

FB Page: ครัวรสนคร

เข่ง

และร้านสุดท้ายของร้านอาหารน่าไปในวันนี้คื้อ ร้านเข่ง เป็นร้านที่ทาสีอาคารและการตกแต่งต่าง ๆ จะเน้นหนักไปที่สีน้ำเงิน นอกจากนั้นมีสีขาวของโซฝา ผ้าม่าน และสีน้ำตาลของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ซึ่งดูรวม ๆ แล้วกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลายไปอีกแบบ รู้สึกเหมือนไปทานอาหารและได้พักสายตาไปในตัวยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งรู้สึกชิลไปอีก เพราะทางร้านจะเปิดไฟสีเหลือง ๆ ส้ม ๆ เหมาะแก่การนั่งดื่มแบบชิล ๆ มาก ซึ่งบอกก่อนเลยว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบฟิวชั่นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อย่างเมนูเด็ดของทางร้านจะเป็นตำอีสานกาย่า แค่ชื่อก็แปลกแล้ว โดยเมนูนี้จะเป็นตำถาดลูกผสมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับเครื่องเคียงของสองสัญชาติ พูดแค่นี้ก็อยากลองลูกครึ่งอาหารไทยอร่อย ๆ แล้ว

พิกัดความอร่อย: ซอยประดิพัทธ์ 14 สามเสนใน กรุงเทพมหานคร เบอร์ 022-791555

FB Page: Raan-Keng

จบกันไปแล้วกับบทความแรกที่เราพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับร้านอาหารน่าไปทั้ง 3 ร้านในย่านประดิพัทธ์ บางร้านอาจจะเป็นร้านที่เพื่อน ๆ เคยไป หรืออาจจะไม่เคยไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคงไม่มีใครที่สามารถไปหมดได้ทุกร้าน แต่ในบทความร้านอาหารน่าไปได้ทำการสรุปและรวบรวมร้านอาหารไทยอร่อย ๆ และเด็ดมาให้คุณแล้ว นี่แค่บทความแรกยังมีดาเมจรุนแรงขนาดนี้ บทความต่อ ๆ ไปคงไม่ต้องพูดถึง เตรียมตัวรับพลังความอร่อยได้เลยจ้า:)

ประเทศไทยเรานี้มีจุดเด่นหลากหลายอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งนอกจากจะทำให้เราเกิดความสนใจและประทับใจแล้ว ชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวเองก็สนใจในเมืองไทยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท่องเที่ยว ที่ประเทศไทยเรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่ทุกพื้นที่ มีอาหารที่อร่อยที่ไม่ว่าภาคไหน ๆ ก็ต้องมีของตัวเอง เป็นต้น

ถ้านึกถึงจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันออก มีสถานที่ท่องเที่ยวหรือแหล่งธรรมชาติ แน่นอนว่าหลาย ๆ คนก็คงนึกถึงจังหวัดชลบุรีแน่นอน ซึ่งที่นี่มีหลากหลายสถานที่น่าสนใจ เช่น เกาะล้าน เกาะสีชัง เป็นต้น และอาหารเด็ด ๆ ที่เมื่อมาเที่ยวแล้ว ต้องแวะรับประทาน ซึ่งอาหารที่มีจำหน่ายนั้นก็มีทั้งอาหารที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นและอาหารที่ผู้คนรับประทานกันในชีวิตประจำวัน ตามร้านค้าที่มีแหล่งที่ตั้งชัดเจนถาวรและร้านอาหารริมทางที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่หรือริมถนนภายในเขตชุมชนด้วย

หากคุณกำลังวางแผนเพื่อมาท่องเที่ยวที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดนี้ ถ้ามาท่องเที่ยว แนะนำให้มาเข้าวัด  ไหว้พระ และมาท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มาเล่นน้ำที่ชายหาด ทะเลต่าง ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุด และผู้ที่มีลาพักร้อนเป็นระยะเวลาหนึ่ง  ที่จะทำให้สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนที่นี่ได้อย่างสบายใจ นอกจากพักผ่อนให้สบายใจกันแล้ว ใครที่เป็นสายชอบกิน ชื่นชอบการรับประทานอาหารที่น่าสนใจในแต่ละท้องถิ่น เรามีร้านเด็ด ร้านดัง มาแนะนำค่ะ

ร้านอาหารที่เราจะแนะนำ เป็นร้านขายอาหารแนว Street Food ริมทาง ซึ่งไม่ได้เป็นร้านขายขนมขายข้าว กับข้าว หรืออาหารตามสั่งทั่วไป แต่เป็นร้านขายอาหารซีฟู้ด หรืออาหารทะเลนั่นเอง แน่นอนว่ามาท่องเที่ยวที่นี่ มีทะเลจำนวนมาก แหล่งอาหารก็มีได้มากเช่นเดียวกัน ใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทะเล รวมถึงชอบรับประทานอาหารทะเลที่สดใหม่ เราก็ขอแนะนำร้านอาหารทะเลที่น่าจะถูกใจคุณ ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้ทำเลสำคัญที่ทำให้คุณเดินทางมายังร้านนี้ได้ง่าย ๆ ด้วย

ร้านขายอาหารแห่งนี้ คือ ร้านขายอาหารทะเล โดยไม่ได้ขายกันสด แต่จะนำวัตถุดิบสด ๆ ที่ได้มาแต่ละอย่างนี้ มาประกอบอาหารเองแล้วจำหน่ายในร้านให้ลูกค้า ซึ่งวัตถุดิบแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู หรือวัตถุดิบทะเลอื่น ๆ ของร้านนี้ บอกได้เลยว่าไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน เพราะขนาดใหญ่ เนื้อค่อนข้างเยอะ คุ้มราคามา ถ้ามาเมืองชลแล้วไม่แวะทานอาหารทะเลที่ร้านนี้ คุณจะต้องเสียดายแน่นอน

ผู้อ่านทุกท่านคงอยากจะทราบชื่อของร้านกันแล้ว ซึ่งชื่อของร้านก็คือ Andy’s Seafood นั่นเอง  ลักษณะและสภาพของร้านนั้นเป็นร้านที่ใช้พื้นที่บนรถเข็นขายของ อย่างที่เห็นในภาพนั่นเอง แต่ถึงแม้พื้นที่ของทางร้านจะมีไม่มากนัก ถ้าคุณได้ไปที่นี่ จะเห็นได้เลยว่าพื้นที่สำหรับลูกค้าหรือผู้ที่มาสั่งอาหารนั้นมีจำนวนมาก ตั้งโต๊ะเต็มทั่วพื้นที่ ถ้าทราบชื่อร้านกันแล้ว ก็ไปดูรายละเอียดของร้านกันเลยว่า มีอะไรที่น่าสนใจและมีเมนูอะไรบ้างที่ควรลองทาน

ที่ร้าน Andy’s Seafood นั้นมีเมนูอาหารมากมายให้คุณเลือก ซึ่งมีทั้งเมนูทอด ผัด ต้มยำ นึ่ง เป็นต้น เรียกได้ว่าครบครันทุกวิธีการประกอบอาหารเลยทีเดียว อย่างที่ทราบว่าที่นี่เน้นการปรุงอาหารทะเล เช่น ปู หอย กุ้ง ปลา เป็นต้น มีแต่อาหารทะเลแบบจัดเต็ม เพราะแน่นอนว่ามาเที่ยวเมืองที่มีทะเลมากมายทั้งที จะไม่ลองเดินทางแวะมารับประทานอาหารทะเล ก็ดูจะพลาดอย่างแรง ใครชื่นชอบซีฟู้ดอย่างผู้เขียนล่ะก็ ต้องมาลองให้ได้เลย

จุดเด่นของทางร้านนี้ นอกจากจะมีเมนูอาหารหลากหลายสารพัดเมนูอร่อยแล้ว ก็ยังมีจุดเด่นที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือ วัตถุดิบที่ทางร้านนี้ใช้ เต็มไปด้วยคุณภาพ สด สะอาด และปลอดภัย สังเกตเห็นได้ทันทีเมื่อพนักงานนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ บอกเลยว่าขนาดเนื้อสัตว์ ชิ้นใหญ่และเต็มคำ รับประทานไปแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อสัตว์แน่นอน ไม่ต้องกังวลเรื่องได้อาหารไม่คุ้มราคาที่ต้องจ่าย นอกจากนี้ รสชาติอาหารยังโดดเด่นอีกด้วย รสชาติมีความเข้มข้น เข้าถึงเครื่องทุกเมนูเลย

ใครที่อยากจะมารับประทานอาหารที่ Andy’s Seafood คงอยากทราบกันแล้วว่าเมนูที่เราจะแนะนำคืออะไร เราขอแนะนำเมนูเด็ด 3 เมนู อย่าง กุ้งใหญ่เผา หมึกไข่ทอดกระเทียม และต้มยำกุ้ง แต่ละเมนู มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย คุณสามารถเลือกต้มยำกุ้งร้อน ๆ แซ่บ ๆ ซดให้โล่งคอ หมึกไข่เด้งกรุบทอดกระเทียมรสกลมกล่อม หรือจะเป็นกุ้งไซส์ใหญ่ย่างให้สุกหอม คู่น้ำจิ้มซีฟูดก็ได้ รับรองว่าถ้าได้ลองทานต้องประทับใจในรสชาติแน่นอน

หากคุณกำลังต้องการพักผ่อนด้วยการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ขอแนะนำให้เดินทางมาที่ชลบุรีเลย เพราะว่ามีที่ท่องเที่ยวมากมายโดยเฉพาะทะเลและชายหาด ที่มีบรรยากาศเหมาะสมกับการพักผ่อนหย่อนใจมากเลยทีเดียว และจะดีมากถ้าได้แวะมาทานอาหารทะเลสดใหม่ ที่ร้าน Andy’s Seafood โดยที่ตั้งของร้านอยู่ถนนบางแสนสาย 1 ชลบุรี อยู่หน้า 7 – 11 ปากซอยบางแสนสาย 1 ซอย 1 เรียกง่าย ๆ ก็คือ หน้า 7 – 11 ริมหาดบางแสนนั่นเอง รู้ Location ชัดแบบนี้แล้ว อย่ารอช้า! ไปลองชิมอาหารทะเลที่สด สะอาด และสุดแซ่บกันเลยค่ะ

กลับมาพบกับจัดอันดับอาหารยอดฮิตอีกเช่นเคย เราจะพาเหล่านักชิมไปรู้จักกับเมนูสุดฮอตที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความฮอตของเขาก็ยังไม่เคยสร่างไปจากวงการอาหาร เพราะวงการยำ เข้าแล้วออกยาก!!!

ยำคู่กับใคร ?

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินว่ายำต้องคู่กับ LGBT หรือกะเทยเท่านั้น หรือเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ชอบทานยำมากกว่าใคร ๆ แต่เอ๊ะ! ใครเป็นคนบอกกันนะ หรือใครเป็นคนริเริ่มพูดสิ่งนี้กัน บอกได้เพียงว่าอย่าไปสนจ่ะ เพราะไม่ว่าใคร ๆ หรือเพศไหน ๆ ก็สามารถคู่กับยำได้ทั้งน้านนน ละแค่ได้เห็นชื่อบทความนี้ก็เกิดอาการ แซ่บ! ซี๊ด! จี๊ด! จ๊าด! แล้ว เพราะเรารวมร้านยำแซ่บแสบทรวงจะมากระตุกต่อมความอยากและความแซ่บของเหล่านักชิม เกริ่นมาขนาดนี้ ไม่อ่านต่อไม่ได้แล้วนะ และอย่าลืมเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้ซับอาการน้ำลายไหลโดยไม่รู้ตัวด้วยเด้อ ^^’

The Battle: ตำยำยั่ว by โบตั๋น VS. Monster YUM VS. Khoad Yum

ตำยำยั่ว by โบตั๋น

ร้านยำแซ่บแสบทรวงมาลุยกันที่ร้านแรกตำยำยั่ว by โบตั๋น เป็นร้านที่เมนูยำและตำเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ยำกุ้งสด ยำไข่แดงเค็ม ตำสองใจ แต่ที่ทางร้านเขาแนะนำว่าต้องลอง! คือ ยำสามส่อน เป็นเมนูที่รวมเหล่าท้องทะเลไว้ในเมนูเดียว กุ้ง ปลาหมึก หอยแครง หอยแมลงภู่ และปูม้า มาแบบจัดเต็ม จัดแน่น จนแซ่บแสบทรวงมาก ๆ ยังมีเมนูทอดมาเสริมกำลังอีกเพียบ เช่น หมูสามชั้นทอด คอหมูทอด ปีกไก่ทอด และคอหมูย่าง ไม่ไหว ๆ กลิ่นลอยมาแล้วว 

ดาเมจความอร่อย: 4/5

พิกัดความอร่อย: ร้าน ตำยำยั่ว by โบตั๋น สาขาหอการค้า เบอร์ 0954954936

FB Page: ตำยำยั่ว by โบตั๋น

Monster Yum 

แค่ชื่อก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเผ็ดร้อนและพลังของปีศาจ จัดอันดับอาหารยอดฮิตกำลังพูดถึงร้าน Monster Yum เป็นร้านยำที่ตั้งอยู่ย่านสะพานควาย ร้านนี้เขามีเมนูยำที่หลากหลายเลย ไม่ว่าจะเป็น ยำไหลบัวกุ้งสด ยำแซลมอน ยำรวมมอนสเตอร์ ยำหอยแครง เป็นต้น เราแนะนำให้ลองยำไหลบัวกุ้งสด เพราะนอกจากน้ำยำที่แซ่บแสบทรวงแล้ว เนื้อกุ้งสดและหวานมาก เป็นอะไรที่อร่อยและลงตัวมาก ๆ นอกจากนั้นยังมีพวกตำ และมีของทอดที่น่าทานมาก ๆ เช่น ลาบทอด หมูยอทอด หมูคลุกฝุ่น เป็นต้น โดยที่เราสามารถเลือกได้เลยว่ายำหรือตำเมนูนี้จะใส่ หรือไม่ใส่ปลาร้าก็ได้ แถมกลิ่นปลาร้าไม่มีกลิ่นคาวใด ๆ เลย อร่อยแบบไร้กังวลใด ๆ   

ดาเมจความอร่อย: 4/5

พิกัดความอร่อย: ร้าน Monster Yum สาขาสะพานควาย เบอร์ 065-5919663

FB Page: Monster YUM

Khoad Yum 

มาถึงอีกหนึ่งผู้ท้าชิงที่ไม่มีรายชื่อไม่ได้เด็ดขาด นั่นคือ…โคตรยำ ร้านยำที่มาแรงแซงทุกทางโค้งในยุคนี้ เรื่องความอร่อยและความแซ่บไม่เคยเป็นสองรองใคร ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีเมนูยำหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ยำปูม้า ยำไข่แมงดา ยำหอยนางรม ยำแซลมอน แต่ที่ทางร้าน Recommend คือ โคตรยำ เขาบอกว่าใครไม่ได้ลองถือว่าพลาด นอกจากนี้ ยังมีบรรดาของทอดที่จะมาทวีคูณของร้านยำแซ่บแสบทรวงเข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็น หมูสามชั้นทอดกรอบ และไก่ทอด ซึ่งทางร้านเขามีน้ำยำให้เหล่านักชิมได้เลือกกันถึง 3 สูตร ได้แก่ สูตรยำ สูตรนัว และสูตรหลวงพระบาง ซึ่งแต่ละสูตรก็สามารถเลือกได้ว่าจะใส่ หรือไม่ใส่ปลาร้า ยกเว้นสูตรหลวงพระบางที่ทางร้านจะใส่ปลาร้าลาวมาให้เลย 

ดาเมจความอร่อย: 5/5

พิกัดความอร่อย: มีหลายสาขาด้วยกัน เช่น โคตรยำ สาขาสยาม เบอร์ 080-9499249 l โคตรยำ สาขาห้วยขวาง เบอร์ 088-6262909

FB Page: Khoad Yum Thailand โคตรยำ

เป็นไงกับการดวลร้านยำแซ่บแสบทรวงกันที่ถึงพริกถึงขิงมากแม่ ผลัดกันปล่อยฮุก ผลัดกันแทงเข่า คนอ่านอย่างเรา ๆ ก็น่วมไปตาม ๆ กัน เพราะแค่อ่านชื่อร้าน เนื้อหา และเห็นรูปภาพเพียงไม่กี่รูป เท่านี้ก็แซ่บแสบทรวงไม่ไหวแล้ว ส่วนบทความหน้าจัดอันดับอาหารยอดฮิตจะพาเหล่านักชิมไปเจอกับมวยคู่ไหน และจะใช่คู่ที่คุณตั้งหน้าตั้งตารอรึเปล่า รอติดตามได้เลย

สามแพร่ง เป็นชุมชนเก่าที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์มาอย่างช้านาน อายุนับร้อยปี การเรียนชุมชนนี้ว่า ชุมชนสามแพร่ง ประกอบด้วย 1.แพร่งสรรพสาตร 2.แพร่งนรา และ3.แพร่งภูธร ซึ่งมาจากชื่อพระนามของ พระเจ้าบรมวงศ์ 3 พระองค์ที่สร้างวังอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ในสมัยก่อน ดังนั้นในปัจจุบันจึงยังหลงเหลือสถาปัตยกรรมต่างๆที่สวยงามในอดีตที่ยังคงอยู่ให้ได้ชื่นชมความสวยงามในปัจจุบัน

แนะนำของน่ากินในย่านเมืองเก่า

ย่านเมืองเก่าอย่าง สามแพร่ง นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ได้เดินทางมาสำรวจแล้ว ในย่านนี้ยังมีร้านอาหารที่เป็นแบบสตรีทฟู้ด ให้ได้ลิ้มลองความอร่อย บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เดินชมบ้านเมืองไป แวะทานของอร่อยไปด้วย รับรองว่าฟินคูณสองแน่นอน

1.ราดหน้ายอดผัก (สูตร 40 ปี)

เมนูแรกที่จะมาแนะนำของน่ากินที่ทุกคนพลาดไม่ได้ อาหารที่ธรรมดา ราคาถูก แต่รสชาติสุดแสนพิเศษเข้มข้นคงที่ฝีมือดีไม่มีตกมาเป็นระยะเวลา 40 ปีแล้ว เส้นใหญ่ราดหน้าหมูขึ้นชื่อว่าเนื้อหมูนุ่มละลายในปากไปเลย หรือจะเป็นราดหน้าทะเลก็ยกกันมาทั้งทะเลแบบเน้นๆ จนต้องยกให้เป็นราดหน้าในตำนานย่าน 3 แพร่ง เลย

เวลาเปิด 09.00-22.00 น.  โทร 02-6223899, 085-1696569

2.นายมักก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา

และใครที่ชื่นชอบการกินเส้นพลาดร้านนี้เป็นไม่ได้เลย ซึ่งร้านนี้ก็เป็นร้านเก่าในย่าน 3 แพร่ง ที่โด่งดังในเรื่องการทำลูกชิ้นปลาขึ้นเอง ซึ่งเป็นจุดเด่นของร้านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเส้นปลาทำจากปลาเนื้อดี ไม่มีกลิ่นคาว ล้างสะอาดไม่มีเมือก ราคาก็ไม่แพงแถมปริมาณเครื่องจัดเต็มมาก ถ้าได้สั่งกินซักครั้งนึงต้องติดใจกลับมากินอีกรอบแน่นอน

เวลาเปิด 09.00-15.00 น. (บ้างวันของอาจหมดก่อนให้โทรสอบถาม) โทร 02-2220093, 081-9481844

3.อุดมโภชนา

อีกหนึ่งร้านของกินย่าน 3 แพร่งในย่านเก่า แต่โด่งดังมานานถึง 83 ปี เมนูนี้เลยปอเปี๊ยะสดปู ซึ่งบอกเลยว่าน้ำราดปอเปี๊ยเป็นสูตรพิเศษเฉพาะของร้านนี้อร่อยพอดีไม่หวานเกินไป ตามมาด้วยข้าวหมูกรอบหมูแดงที่ขึ้นชื่ออีกเมนูนึงของร้าน เพราะหมูกรอบร้านนี้เขาไม่เหมือนร้านอื่นตรงที่หนังของหมูกรอบจะเรียบไม่ฟู เพราะร้านนี้เขาใช้วิธีการอบแทนนั่นเอง ส่วนรสชาติของน้ำราดก็เน้นเครื่องเทศ เข้มข้นสัมผัสได้ตั้งแต่กลิ่นจนถึงรสชาติกันเลย 

เวลาเปิด 07.00-15.30 น. (หยุดวันอาทิตย์) โทร 02-2213042

4.ไก่ย่างโบราณ

มาต่อด้วยสายอีสานกันบ้าง มาย่าน 3 แพร่ง นี้ถึงจะเป็นย่านเก่าแก่แต่ต้องบอกเลยว่าจะขาดอาหารยอดฮิตของใครหลายคนไปไม่ได้ คือร้านส้มตำนั่นเอง ซึ่งเมนูที่จะแนะนำก็ต้องตามชื่อร้านนี้เลย ไก่ย่างโบราณ แน่นอนว่าเป็นเมนูเด็ดเมนูเดียวที่ไม่ว่ามองไปที่โต๊ะไหนๆก็จะมีเมนูนี้ว่างอยู่ทุกโต๊ะ ซึ่งไก่ย่างร้านนี้มีความพิเศษ คือเนื้อไก่ด้านในนุ่มลิ้นทั่วทั้งตัว หนังไก่ด้านนอกกรอบอร่อย แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกได้ว่าผ่านการหมักเครื่องเทศที่เข้าถึงเนื้อด้านในจริงๆ บอกเลยสำหรับเมนูนี้หากมาแล้วไม่ได้ลิ้มลองเหมือนมาไม่ถึงร้าน

เวลาเปิด 09.00-21.00 น. โทร 02-6222349

5.เจ๊นีเผือกหิมะ

มาทางของหวานกันบ้าง หากว่าใครชอบเผือกแล้วละก็พลาดร้านนี้ไปไม่ได้แน่ เผือกหิมะเจ๊นีในตำนาน ซึ่งเป็นเผือกยักษ์ไซส์บิ๊กเบิ้ม เนื้อแน่น ชิ้นใหญ่ กรอบนอกด้วยน้ำตาลเคลือบหลังทอดเสร็จ สไตล์จีนแบบดั้งเดิม รสชาติไม่หวาน ไม่เค็มจนเกินไป และที่สำคัญไม่อมน้ำมันด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังมีเผือกกรอบแบบถุง ที่มี 3 รสชาติให้เลือก คือ เผือกรสงา เผือกต้นหอม เผือกรสเค็ม ให้ได้ซื้อกลับไปเป็นของฝากเมื่อมาเยือนย่าน 3 แพร่ง

เวลาเปิด 08.00-17.00 น. โทร 02-2246526, 086-8356269

6.ขนมเบื้องโบราณป้าศรี

มาต่อกับขนมเบื้องสูตรโบร่ำโบราณในย่าน 3 แพร่ง ซึ่งขนมเบื้องของร้านนี้มี 2 รส คือ ไส้หวาน กับไส้เค็ม แต่สิ่งที่แตกต่างจากร้านอื่นคือแป้งด้านนอกเป็นแผ่นแป้งบางกรุบกรอบ ที่ทาด้วยไข่ ด้านในของไส้หวานมี ลูกพลับแห้ง ฟักเชื่อม ฝอยทอง ส่วนไส้เค็มนั้นมี กุ้งแห้ง(กุ้งสดผัดกับมันกุ้ง) โรยด้วยมะพร้าวขูด  และสิ่งที่ทำให้ขนมชิ้นนี้มีความพิเศษป้าเจ้าของร้านแก่จะบรรจงละเมียดละไมทำขนมทุกชิ้น บนเตาถ่านทีละชิ้น นั้นคือจุดเด่นของการขายร้านนี้ก็ว่าได้ 

เวลาเปิด 08.00-17.00 น.  โทร 02-2246526, 086-8356269

7.เหลี่ยมนมสด

ของหวานร้านสุดท้ายที่จะแนะนำของน่ากินก็คงไม่พ้นร้านนี้ เหลี่ยมนมสด เป็นร้านที่อยู่ในย่าน 3 แพร่ง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเมนูขนมปังปิ้ง และนมสดอุ่นๆ ต้องมาร้านนี้เลย ร้านนี้ช่วงดึกๆคนยิ่งเยอะ ทางร้านก็มีหลากหลายเมนูให้เลือกเลย เมนูขนมปังปิ้ง ซึ่งจะมาเป็นแผ่น สามารถเลือกหน้าได้เอง กรอบ และหอมทานง่าย ส่วนขนมปังย่าง จะมาเป็นก้อน ยัดไส้ด้านใน ทะลักออกมาด้านนอกเลยค่ะ กรอบนอกนุ่มใน ปิดท้ายด้วยนมอุ่นๆ หรือจะเครื่องดื่มชา กาแฟ ก็ฟินอีกแบบ

เวลาเปิด 12.00-01.00 น.  โทร 02-6222349, 079-7387609

จากบทความที่แล้ว จัดอันดับอาหารยอดฮิตพาเหล่านักชิมไปรู้จักกับร้านชาบู-ปิ้งย่างเกรดพรีเมี่ยม ราคา 400++ ขึ้นไป วันนี้เราจะพานักชิมไปรู้จักกับร้านเหล่านั้นอีกเช่นเคย 

ราคามีผลต่อการทานบุฟเฟ่ต์จริงไหม?

แน่นอนว่าพอพูดถึงการทานบุฟเฟ่ต์แล้ว หลาย ๆ คนอาจจะคำนึงถึงราคาของมื้อนั้น ๆ เป็นอันดับแรก เพราะใช่ว่าบุฟเฟ่ต์ที่ดีจะสามารถหาทานได้ในราคาถูก ถ้าคุณเป็นคนที่คิดว่าราคามีผลต่อการทานบุฟเฟ่ต์มื้อนั้น เราจะแนะนำให้รู้จักกับร้านชาบู-ปิ้งย่างเดินดินที่มีราคาย่อมเยาและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แถมยังทานได้หลากหลายประเภท อุ่นเครื่องให้พร้อม เตรียมท้องไว้รอ เราจะพาคุณไปบุกร้านชาบู-ปิ้งย่างฟินและอิ่มปลิ้น (ไม่) จำกัด

อันดับที่ 3 ชาบูอินดี้

อันดับที่ 3 จัดอันดับอาหารยอดฮิตพาไปรู้จักกับร้านชาบูอินดี้ จริง ๆ แล้วชาบูอินดี้มีสาขาเยอะมาก แต่วันนี้เราจะพาทุกคนไปลองที่สาขาสะพายควาย ซึ่งตั้งอยู่สุดซอยโครงการ The Hub Phahol – Ari ร้านนี้มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 ชุด 2 ราคาด้วยกัน เริ่มกันที่ชุดหมู ราคา 259 บาท จะมีบรรดาเนื้อหมูต่าง ๆ อย่าง สันคอ สันนอก สามชั้น เบคอน หมูหมัก มีลูกชิ้น ปูอัด พ่วงด้วยอาหารทะเลอย่างปลาหมึก กุ้งแม่น้ำ กุ้งอินดี้ หอยแมลงภู่ ปลาดอลลี่ และเมนูผักอีกนานาชนิด ส่วนอีกชุดหนึ่งคือ ชุดเนื้อ ราคา 359 บาท รวมเมนูที่กล่าวมาข้างต้น บวกเพิ่มด้วยชีส และบรรดาเมนูเนื้อทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสันนอกโคขุน เนื้อสันโหนกโคขุน เนื้อริบอาย และเนื้อใบพาย โดยที่เหล่านักชิมที่ไปเยือนร้านนี้สามารถนั่งทานได้ไม่จำกัดเวลาร้านชาบู-ปิ้งย่างฟินและอิ่มปลิ้น (ไม่) จำกัดสมชื่อ

ดาเมจความอร่อย: 3.5/5

พิกัดความอร่อย: ชาบูอินดี้ สาขาสะพานควาย เบอร์ 095-0939551

FB Page: ชาบูอินดี้ สาขาสะพานควาย

อันดับที่ 2 สุกี้ตี๋น้อย

เป็นร้านชาบูอีกหนึ่งร้านที่จัดอันดับอาหารยอดฮิตไม่พลาดแน่นอน ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักสุกี้ตี๋น้อยเป็นแน่ ด้วยราคาย่อมเยาของร้านนี้ที่มีราคาแค่ 199 บาท บวกน้ำรีฟิลเพียงแค่ 39 บาท ราคารวมอยู่ที่ 200+ นิด ๆ ร้านชาบู-ปิ้งย่างฟินและอิ่มปลิ้น (ไม่) จำกัดโดยสามารถรับประทานได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สันคอหมู สันนอกหมู หมูหมัก เนื้อสไลด์ เนื้อหมัก กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ ชีส เต้าหู้ชีส ผักต่าง ๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าสามารถทานได้ทุกอย่างที่อยู่ในร้านเลยก็ว่าได้ นอกจากร้านจะมีน้ำซุปใสที่เข้มข้นถึงใจแล้ว ตอนนี้ทางร้านมีน้ำซุปดำเพิ่มเข้ามาเป็นตัวชูโรงและเพิ่มความกลมกล่อมให้กับเนื้ออีก จิ้มพร้อมน้ำจิ้มสุกี้สูตรเด็ดประจำร้าน อื้อหือ! ยิ่งคิดยิ่งฟิน 

ดาเมจความอร่อย: 4/5

พิกัดความอร่อย: มีหลายสาขาเช่น สุกี้ตี๋น้อย รัชดา 18 เบอร์ 097-2050652 | สุกี้ตี๋น้อย ลาดพร้าววังหิน 59 เบอร์ 090-9102263

FB Page: สุกี้ตี๋น้อย

อันดับที่ 1 ปิ้งเนย บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกระทะร้อน จุฬาฯ

ปิ้งเนย บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกระทะร้อน จุฬาฯ ร้านที่เราจัดให้เป็นอันดับที่ 1 ของบทความ ร้านตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างย่านจุฬาฯ ในโครงการสวนหลวงสแควร์ เรียกได้ว่าใครผ่านไปผ่านมาเป็นต้องแวะเติมพลังงานให้กระเพาะอาหาร ด้วยราคา 298 บาท ซึ่งเหล่านักชิมสามารถเลือกได้ว่าต้องการจะทานแบบชาบู หรือปิ้งย่าง หรือจะเลือกทั้งสองแบบก็ย่อมได้ นำทัพความอร่อยด้วยพวกเนื้อหมูและเนื้อวัวอย่างสันนอก สันใน สามชั้น หมูหมัก ใบพาย ริบอาย ตามด้วยอาหารทะเลอย่างกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ ปลาหมึกสด ๆ หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ ๆ ปลาดอลลี่เนื้อแน่น และที่ขาดไม่ได้คือ เนยและชีส ที่จะช่วยทวีคูณความอร่อยของมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าอยากคั่นด้วยของว่างอย่างสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า เฟรนช์ฟรายส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย หรือถ้าอิ่มท้องแล้วก็สามารถพักทานไอศครีมได้เช่นกัน สมชื่อกับร้านชาบู-ปิ้งย่างฟินและอิ่มปลิ้น (ไม่) จำกัดได้ทั้งคาวและหวาน และไม่จำกัดเวลา

ดาเมจความอร่อย: 4.5/5

พิกัดความอร่อย: ปิ้งเนย บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกระทะร้อน จุฬาฯ

FB Page: ปิ้งเนย บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกระทะร้อน จุฬาฯ

ไม่ไหวแล้วจ้า หิวไม่ไหวแล้วจ้า ต่อมความอยากชาบู-ปิ้งย่างถูกกระตุ้นอีกแล้ว เรียกได้ว่าเป็นบทความจัดอันดับอาหารยอดฮิตที่ทำให้กระตุกต่อมความอยากแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ บทความหน้าเราจะพาไปรู้จักกับร้านไหน รอติดตามได้เช่นเคย แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนทนไม่ไหว สามารถไปตามร้านต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำผ่านบทความได้เลย

นั่งรถไฟฟ้า หาของกินในย่านเตาปูน เป็นสถานีรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน นั่นคือ สถานีเตาปูน เมื่อมีคนเดินทางมาใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก นั่นหมายถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต้องมากตามไปด้วยเพราะมีผู้คนทั้งขาประจำและขาจรที่เดินทางไปมาและเป็นจุดแวะพักก่อนที่จะเดินทางต่อ

ร้านเด็ดย่านเตาปูน

เตาปูนเป็นอีกย่านหนึ่งที่น่าสนใจในเรื่องของอาหาร เพราะมีทั้งตลาดขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆริมถนน มีหลากหลายแนว ทั้งร้านของคาว ของหวาน และร้านอาหารจานเด็ดให้ได้ลิ้มลองกัน แนะนำของน่ากิน จะพาชิม ของกินในย่านเตาปูน ที่บอกได้เลยว่าหากมาย่านนี้ต้องแวะชิม

นงนุชเป็ดย่าง

ของกินในย่านเตาปูน ร้านแรกนี้เป็นร้านเจ้าเก่าในตลาดเตาปูน ขายทั้งข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมู ข้าวหมูกรอบ แต่เมนูแนะนำของร้านนี้ก็ต้องเป็น ข้าวหน้าเป็ดตัวชูโรงของร้านนี้เลยข้าวหน้าเป็นข้าวนุ่ม เป็นเนื้อแน่น น้ำราดที่รสชาติหวานเค็มแบบพอดิบพอดี เสิร์ฟพร้อมกับผักดองและผักบุ้ง ที่สำคัญได้เยอะมากทั้งข้าวและเป็ด คุ้มกับราคา จานเดียวอิ่มไปเลย 

เวลาเปิด 06.00-18.00 น.  โทร 081-5855091

ข้าวหมูแดงนายไซ

ร้านต่อมาเป็นร้านเก่าย่านเตาปูนเลยก็ว่าได้ เพราะร้านนี้เขาเปิดมา 45 ปีแล้วบอกเลยร้านนี้เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องความเทพของหมูกรอบ ซึ่งในส่วนของหมูกรอบนั้น เขาจะแยกส่วนของเนื้อหมูกับหนังกรอบๆไว้ส่วนหนึ่ง หนังหมูกรอบคือกรอบมาก เคี้ยวแล้วเหมือนได้กินแคปหมูหรือข้าวเกรียบกุ้งเลย ส่วนที่เป็นเนื้อสามชั้นนั้นก็นุ่มอร่อยไม่เหนียว ราดมากับน้ำซอส ตัวน้ำราด รสชาติไม่เค็มมาก หวานอร่อยกำลังดี หากน้ำราดที่ให้มาไม่พอสามารถขอเพิ่มได้ ถึงชื่อร้านจะเป็นข้าวหมูแดงแต่ในร้านนี้ยังมีอีกหลากเมนูเลยให้ทุกคนได้ไปเลือกชิม 

เวลาเปิด 07.00-15.00 น.  โทร 02-5855630, 089-8162084

ก๋วยจั๊บสามทุ่ม

อีกร้านในตำนานย่านเตาปูน ร้านนี้ขายอยู่ริมทางรถไฟสายใต้เป็นร้านรถเข็น เดิมทีสมัยที่เป็นคุณตาเจ้าของร้านจะต้องมานั่งจองคิวถึงสามทุ่มรอคุณตามาขาย แต่ปัจจุบันน่าเป็นลูกจ้างขายแล้ว เลยไม่ต้องรอเปิดคิวแบบสามทุ่ม แนะนำของน่ากินก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากก๋วยจั๊บน้ำข้น ที่ขึ้นชื่อว่าเส้นนุ่มละลายในปากกันเลยทีเดียวแถมยังได้ปริมาณเยอะ มีครบทั้งเครื่องใน เลือด และหมูกรอบ เครื่องในชิ้นใหญ่สะอาดไม่เหม็น น้ำซุปเป็นน้ำพะโล้รสชาติเข้มข้นติดลิ้น หอมกลิ่นเครื่องเทศยาจีน 

เวลาเปิด 07.30-23.59 น.  โทร 085-0608501

ก๋วยเตี๋ยวเรือไทยสูตรโบราณ

มาถึงก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ที่เป็นตำนานสูตรโบราณ พ.ศ.2519 เป็นร้านเก่าแก่อยู่คู่กับตลาดเตาปูน เป็นร้านที่มีบรรยากาศคึกคัก ผู้คนเข้าออก เปลี่ยนตัวค่อนข้างเร็ว จะมีการจัดคิวที่นั่งให้ เนื่องจากลูกค้าเยอะตลอดทุกวันทั้งวัน จุดเด่นนี่ยกให้น้ำซุปเลย เข้มข้น รสชาติดีมาก แทบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย มีทั้งเนื้อและหมูนะคะร้านนี้ ถ้าทานที่ร้าน ก็จะมีถั่วงอกและโหระพาให้เติมได้ ผักสดๆ สะอาด ของแนะนำร้านนี้ต้องยกให้ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกซี่โครงอ่อน บอกเลยว่าซี่โครงตุ๋นนุ่มมากเป็นซี่โครงตุ๋นเปื่อย กัดไปละลายในปากเลย แนะนำเลยค่ะ แล้วที่นี่มีของกินเล่นอีกมากมายให้เลือก 

เวลาเปิด 09.00-18.00 น.  โทร 082-4945443

ผัดไทยประทุมทิพย์

ต่อกันที่ผัดไทยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของกินในย่านเตาปูน ร้านนี้อยู่เยื้องๆกับโรงพยาบาลบางโพ มาถึงร้านผัดไทยทั้งที ต้องไม่พลาดผัดไทยสูตรเด็ดของร้านอย่างแน่นอน แค่ตัวผัดไทยจานหลักก็มีให้เลือกหลายแบบแล้ว มีทั้งผัดไทยกุ้งสด ,ผัดไทยกุ้งเล็ก พร้อมราคากำกับในแต่ละแบบละเอียดยิบ ให้ลูกค้าเลือกได้ง่ายดีอีกทั้งจะได้ทานในแบบที่ชอบได้ไม่ยากด้วย บอกเลยเส้นผัดไทยที่นี่เหนียวนุ่มดี รสชาติออกหวานๆนิดหน่อยกำลังดี ให้เส้นปริมาณเยอะดี ทานแล้วอิ่มท้อง แล้วก็ถั่วงอกที่นี่กรอบ สด สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น ที่สำคัญตัวกุ้งจะเนื้อแน่น สด รสชาติหวาน 

เวลาเปิด 17.00-22.00 น.  โทร 081-4083531, 083-0215866

ไอศครีมทิพย์รส

ตบท้ายด้วยของหวาน ไอศครีมไทยระดับตำนานกว่า 40 กว่าปี เป็นร้านเก่าย่านเตาปูนที่ขึ้นชื่อมากๆเกี่ยวกับความอร่อยและมีเอกลักษณ์ความเป็นไทยแบบดั้งเดิม เป็นไอศครีม Homemade แนะนำของน่ากิน ภารตี สายไหม พระเอกของจานนี้ยกให้โรตีร้อนๆ หอมเนยมากมาย เข้ารสกับไอติมรัม และสายไหมดีมาก และมีอีกหลากหลายเมนูให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองกัน 

เวลาเปิด 09.00-20.00 น.  โทร 02-5850415, 025850209

กินคาวก็ต้องกินหวาน ทุกวันนี้มีขนมหวานในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เนื่องจากคนสมัยใหม่หันมาสนใจในเรื่องของการทำขนมมากขึ้น บวกกับไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของวัยรุ่นยุคนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีร้านคาเฟ่มากมายที่มีขนมหน้าตาดีซ่อนอยู่

คาเฟ่น่ารักๆ มีขนมน่าทานมากมาย

เมื่อเรานึกถึงขนมหวาน สิ่งที่คิดตามมาก็คือ ร้านขายขนม ปัจจุบันนี้มีร้านขายของหวานที่ประกอบไปด้วย ขนมหวานหน้าตาดี มากมายบวกกับไอเดียแปลกๆ และความครีเอทีฟในการทำอาหารของคนยุคนี้ จึงมีคาเฟ่น่ารักๆ ที่มีขนมหวานหน้าตาดี อยู่มากมาย  ในบทนี้เราจะมา แนะนำของน่ากิน ที่เห็นแล้วต้องหลงรัก

1. โมจิหยดน้ำซากุระน้ำแร่ฟูจิ

10 เต็ม 10 ไม่หัก สำหรับ ขนมหวานหน้าตาดี จากร้าน Homu สุดยอดไอเดียการทำโมจิให้ใสลักษณะเหมือนหยดน้ำ จากความตั้งใจเริ่มแรกแค่อยากลองทำให้ลูกๆได้ทาน ทำไปทำมา กลายเป็นขนมโด่งดังยอดฮิตติดอันดับของร้าน เพราะด้วยความที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่รสชาตินั้นอร่อยจนหลายคนติดใจ ด้วยความใส่ใจในขั้นตอน มีกิมมิคตรงที่ใส่ซากุระดองเข้าไปด้วย ให้รสชาติเค็มนิดๆ ตัดความหวานของน้ำเชื่อมหน่อยๆ อร่อยลงตัวอย่าบอกใคร

2. Pink Hotel Bangkok

แนะนำของน่ากิน ขนมหวานร้านต่อไป ที่มีชื่อขนมชื่อเดียวกันกับชื่อร้าน Pink Hotel Bangkok มาในรูปแบบของเครื่องดื่มแสนสวย ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน จากน้ำสตอว์เบอรี่ผสมผสานเลมอน บวกกับสายไหมสีรุ้งฟูฟ่อง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูสวยงามไปหมด แทบไม่อยากกินเลยทีเดียว

3. Matcha Affogato

ไอศครีมรสชาติเข้มข้นนุ่มลึกจากส่วนผสมของงาดำ ราดด้วยซอสมัทฉะ รสชาติหวานละมุนลิ้น สายชาเขียวไม่ควรพลาด จากร้าน Hannari Cafe de Kyoto คาเฟ่ย่านสุขุมวิท บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น เชิญชวนชาวชาเขียวแวะมาลิ้มลอง รับรองว่าไม่ผิดหวัง

4. Strawberry Choux puff

ขนมหวานในรูปแบบของชูครีม เนื้อแป้งกรอบฟู เสริฟมาพร้อมกับสตอว์เบอรี่ลูกโตๆ ทานพร้อมกันกับครีมสด รสชาติหวานมัน ตัดความเปรี้ยวเล็กๆของสตอว์เบอรี่ ช่างเข้ากันอย่างลงตัว ร้าน NEKO Bake เป็นคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นตั้งอยู่ที่ย่านหนองแขม มีเมนูขนมโฮมเมดอีกมายมากให้เลือกลิ้มลอง

5. Dorayaki Fresh Matcha Cream

ลำดับต่อไปคือ ขนมหวานหน้าตาดี จากร้าน Chaya Teahouse ด้วยความหนานุ่มของแป้งโดรายากิ บวกกับครีมมัทฉะเข้มข้นจากจังหวัดชิซุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นชาเขียวออร์แกนิค ทำให้ได้ชาเขียวที่มีรสชาตินุ่มละมุน นอกจากขนมหวานมากมายให้สายเขียวลิ้มลอง ทานร้านยังมีสอนการชงชาแบบฉบับชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ใครอยากเปิดประสบการณ์และลิ้มลองความอร่อยเชิญร้านนี้ได้เลย

6. Matcha Banoffee

ขอแนะนำชาเขียวอีกอย่าง เอาใจสายชาเขียวไปเลย กับ Matcha Banoffee ลักษณะแบ่งชั้นเรียงตัวกันอย่างสวยงาม ชั้นบนสุดเป็นครีมชาเขียว รองลงมาเป็นบิสกิตบ่น และกล้วย ชั้นล่างสุดเป็นมูสชาเขียวไวต์ช็อกโกแลต  เมื่อตักกินพร้อมกันจะได้รสสัมผัสที่หลากหลาย ทั้งหอม นุ่ม หวาน มัน รวมกันอย่างลงตัว ตามไปได้ที่ร้าน SAMATEA CAFE ชื่อร้านเก๋ไก๋ มาจากคำว่า “สมาธิ” ในภาษาไทย

7. Yuzu Cake

หากเบื่อชาเขียวแล้ว แนะนำตัดเปรี้ยวด้วย ส้มยูสุกันหน่อย Yuzu Cake จากร้าน The Coffee Academics คาเฟ่ย่านเพลินจิต ที่นำเอารสชาติของส้มยูสุแท้ๆ มาผสานเป็นเนื้อเค้กได้อย่างลงตัว รองด้วยด้านล่างทาร์ตกรุบกรอบ แถมด้านในยังมีแยมซ่อนอยู่อีก ทั้งอร่อย ทั้งน่ารักจริงๆ

8. วุ้นแตงโมผลไม้รวม

มาต่อด้วยขนมไทยๆ กันบ้าง เผื่อใครไม่สะดวกเดินทางไปไหนมาไหน การทำวุ้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกง่ายๆ สำหรับเมืองร้อนอย่างเรา แถมหน้าตาดีด้วย เมนูชื่นใจในวันหยุด วุ้นแตงโมผลไม้รวม ที่รวมเอาผลไม้ตามฤดูกาล หรือตามที่ชอบ นำมารังสรรค์ให้อยู่ในรูปแบบใหม่แต่ยังคงความเป็นวุ้น หากใครกำลังมองหาเมนูดับร้อน ผลไม้เย็นฉ่ำในน้ำแตงโม หวานเบาๆ แต่สวยหนักมาก ต้องลอง

9. วุ้นอัญชัน

หากเบื่อกับสีสันของวุ้นแบบเดิมๆ ลองเติมสีสันให้วุ้นก็สวยน่ากินไปอีกแบบ กับ วุ้นกะทิอัญชันมะพร้าวอ่อน ทำง่ายมาก อร่อยด้วย และด้านความสวยงามให้ 10 ไปเลย ทั้งความหวานเย็นของวุ้นบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆของมะพร้าว และสีม่วงอันชวนมองที่ได้จากดอกอัญชัน ยิ่งทำให้ความอร่อยทวีคูณ

10. วุ้นกุหลาบแก้ว

แนะนำของน่ากิน ใกล้วันวาเลนไทน์ แต่เตรียมเค้กไม่ทันทำไงดี  ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ วันนี้ขอนำเสนอ วุ้นกุหลาบแก้วแสนหวาน ใครเห็นเป็นต้องหลงรักขนม และคนทำแน่นอน กับเมนู วุ้นกุหลาบแก้ว เพียงคุณมีพิมพ์ซิลิโคนรูปดอกกุหลาบ บวกกับฝีมือการทำขนมนิดหน่อย รับรองว่า ขนมหวานหน้าตาดี นี้โดนใจไปเต็มๆ

เคยไหม? เครียดกับการที่ต้องคิดว่ามื้อนี้จะทานอะไรดี หรือเคยไหม? ที่เลือกทานอาหารระหว่างสองประเภทไม่ได้  วันนี้จัดอันดับอาหารยอดฮิตจะช่วยแก้ปัญหานี้ และพานักชิมอย่างเรา ๆ ไปรู้จักกับร้านชาบู-ปิ้งย่างเกรดพรีเมี่ยมกันจ้า จะกินอะไรดีน้า?

อาหารประเภทชาบู – ปิ้งย่าง เป็นอีกหนึ่งมื้อยอดฮิตและตอบโจทย์สำหรับเหล่านักทานที่ต้องการจะฝากท้องกับมื้อนั้น ๆ แบบเต็มเหนี่ยว โดยที่ไม่ต้องมัวเสียเวลาในการตัดสินใจเลือกทานอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะคุณสามารถเลือกทานอาหารได้หลากหลายประเภทเลยทีเดียว และไม่ว่าจะกินเวลาไหน จะมื้อไหนก็อิ่มได้แบบจุก ๆ @ ร้านชาบู-ปิ้งย่างเกรดพรีเมี่ยม

อันดับ 3 GuruGyuu

ร้านแรกที่จัดอันดับอาหารยิดฮิตจะพาไปชมกันคือ Gurugyuu หรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันว่า บุฟเฟต์ปิ้งย่างขั้นเทพกูรูกิว เป็นร้านปิ้งย่างที่มีหลายระดับและหลายราคามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Happy Hour Buffe ราคา 399 บาท โดยชุดนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถทานได้เฉพาะวันอังคาร – วันศุกร์ และต้องมาทานก่อนบ่ายสามโมงเท่านั้น ชุดต่อไป Deluxe Buffe ราคา 599 บาท Premium Buffe ราคา 699 บาท และ Wagyu Buffe ราคา 1,299 บาท ยิ่งอัพราคาขึ้นไปเท่าไหร่ ยิ่งได้ทานเนื้อที่มีความหลากหลายและเกรดพรีเมี่ยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหินอ่อน เนื้อมาราธอน เนื้อสองสี เนื้อสามศอก รวมทั้งยังมีอาหารทะเลที่มาเสริมทัพอีกมากมาย โดยทางร้านให้ระยะเวลา 2 ชม. ในการนั่งทาน ยิ่งตอกย้ำความอร่อย ความฟิน และไม่ว่าจะมื้อไหน ๆ ก็อิ่มได้ที่แท้ทรู

ดาเมจความอร่อย: 4/5

พิกัดความอร่อย: มีทั้งหมด 2 สาขา Gurugyuu สาขาสะพานควาย เบอร์ 02-2799086 | Gurugyuu สาขานางลิ้นจี่ เบอร์ 02-0909659

Facebook Page: GuruGyuu

อันดับ 2 Oranji

มาถึงร้านชาบู-ปิ้งย่างเกรดพรีเมี่ยมร้านนี้ก็มีหลายราคาและหลายรูปแบบไม่แพ้ร้านก่อนหน้า และมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาคือ สามารถทานได้ทั้งเตาปิ้งย่างและชาบูในเตาเดียวกัน หรือจะเลือกแค่ชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ เรียกได้ว่าจะกินมื้อไหน ๆ ก็อิ่มได้แบบสองเด้งเลยทีเดียว เริ่มกันที่ชุดแรกคือ Premium Buffe ราคา 399 บาท รวม vat แล้วราคาตกอยู่ที่ 409 บาท ชุดนี้จะรวมพวกเนื้อหมู เช่น หมูสามชั้น หมูสันคอ หมูบด เนื้อวัว 2 ชนิดคือ เนื้องน่องลายและเนื้อเสือร้องไห้ นอกจากนั้นก็มีข้าวผัดกระเทียม ซุปมิโสะ และของทานเล่นอีกเล็กน้อย ซึ่งถือว่าไม่สูงเกินไปนักสำหรับชุดแรก ชุดที่สอง Platinum Buffe ราคา 699 บาท รวม vat แล้วราคาตกอยู่ที่ 719 บาท ชุดนี้เราว่าคุ้มค่าสุด ๆ เพราะนอกจากชุดนี้จะรวมเหล่าบรรดาหมู เนื้อ และทะเลแล้ว ยังรวมไปถึงซูชิหน้าต่าง ๆ และซาซิมิอีกด้วย ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ส่วนอีกสองชุดที่เหลือ Princess Buffe ราคา 999 บาท รวม vat ราคา 1,029 บาท และ Prince Buffe ราคา 1,599 บาท รวม vat ราคา 1,599 บาท คงไม่ต้องถามถึงความพิเศษ เพราะคุณจะได้พบกับเนื้อเกรดดี ซูชิเกรดพรีเมี่ยม และเหล่าอาหารว่างชั้นเลิศอีกมากมาย โดยทางร้านให้ระยะเวลา 2 ชม. ในการนั่งทาน แอบกระซิบบอกนิดนึง ถ้าใครจะไปลองร้านนี้ แนะนำให้โทรจองก่อนล่วงหน้า เพราะโต๊ะเต็มเร็วมากแม่ ช้าหมดอดอิ่มจ้า!!!

ดาเมจความอร่อย: 4.5/5

พิกัดความอร่อย: ร้านมีสองสาขาด้วยกัน Oranji สาขาสะพานควาย เบอร์ 0971100029 | Oranji สาขาพหลโยธิน 11 เบอร์ 0874837444

Facebook Page: Oranji – Japanese yakiniku & shabu

อันดับ1 Mo-Mo Paradise

มาถึงร้านที่จัดอันดับอาหารยอดฮิตให้ยืนหนึ่งในวงการร้านชาบู-ปิ้งย่างเกรดพรีเมี่ยมเลย ร้าน Mo-Mo Paradise บอกก่อนเลยว่าร้านนี้อาจจะมีราคาและความหลากหลายไม่เหมือนสองร้านก่อนหน้านี้ แต่เขานำเสนอและขายความพรีเมี่ยมของเหล่าบรรดาเนื้อที่มีอยู่ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยชุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดราคา 560 บาท รวม vat แล้วราคาตกอยู่ที่ 616 บาท มีน้ำซุปให้เลือก 4 แบบ คือ น้ำซุปชาบู-ชาบู ที่ต้องทานคู่กับน้ำจิ้มอย่างซอสเซซามิ (ซอสงา) ซอสพอนซึ และซอสสวีทโชยุ น้ำซุปสุกี้ยากี้ ที่ต้องทานคู่กับไข่สด น้ำซุปทงคตสึ ทานคู่กับน้ำจิ้มอย่างซฮสทงคตสึ (ออยซอส) กับสวีทโชยุ และน้ำซุปคารามิโสะที่ต้องทานคู่กับน้ำจิ้มอย่างซอสคารามิโสะ (คาราทาเระ) และซอสเซซามิ (ซอสงา) โดยประกอบด้วยเนื้อเป็ด ไก่ไม้ไผ่ เนื้อ Australian Beef เนื้อ USDA Angus Beef หมูคุโรบุตะ (สันคอ) หมูคุโรบุตะ (ส่วนท้อง) นอกจากเนื้อสุดพรีเมี่ยม ทางร้านยังมีไอศครีมและไดฟุกุที่สุดแสนจะอร่อยไว้เสิร์ฟปิดท้ายอีกด้วย ซึ่งเหล่านักชิมสามารถนั่งทานได้ 1.30 ชม. บอกคำเดียวเลยว่าไม่ใช่แค่จะกินมื้อไหน ๆ ก็อิ่มได้นะ แต่อยากกินมื้อนี้ ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้ !!!

ดาเมจความอร่อย: 5/5

พิกัดความอร่อย: มีหลายสาขาตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น สาขา Central World เบอร์ 084-388-5560 | สาขา Central Ladprao เบอร์ 080-060-9838 เป็นต้น

Facebook Page: Mo-Mo Paradise (Thailand)

บทความแรกผ่านไปแล้วสำหรับการจัดอันอาหารยอดฮิตของร้านชาบู-ปิ้งย่างเกรดพรีเมี่ยม พอจะกระตุกต่อมความหิวของเพื่อน ๆ ได้บ้างหรือเปล่า ส่วนบทความหน้าจะพาไปพบกับอาหารยอดฮิตประเภทไหน ที่ไหน และจะโดนใจเพื่อน ๆ หรือเปล่า รอติดตามได้เลย

ในประเทศไทยเรานั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ ซึ่งมักจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและสถานที่ทางศาสนา ประเทศไทยเรามีทั้งทะเล น้ำตก ภูเขา มีวัดและศาสนสถานมากมาย สำหรับบทความนี้ เราจะแนะนำร้านอาหาร Street Food ที่น่าสนใจของจังหวัดชลบุรี ที่อยู่ในภาคตะวันออก ซึ่งนอกจากจะมีทะเล อ่าว ให้เที่ยว รวมถึงมีพุทธศาสนสถานให้ได้ไปชม ไปสักการะขอพรกันแล้ว Street Food ของที่นี่ยังมีความน่าสนใจอีกด้วย

ถ้านึกถึงเมนู Street Food หลายคนคงนึกถึงเมนูจำพวกกะเพราไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวมันไก่ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นเมนูที่หารับประทานได้ง่าย ๆ สามารถรับประทานได้ในทุกวัน เป็นเมนูอาหารตามสั่งที่เรียกได้ว่าอยู่กับเรามายาวนาน

แต่เนื่องจากว่า เมนูอาหารริมทางของที่ชลบุรี มีความแตกต่างออกไปจากอาหารทั่ว ๆ ไปที่เรารับประทานกันทุก ๆ วัน เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่เลย ทำให้การเที่ยวที่นี่มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่นี่เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ทะเล จึงทำให้อาหารที่หารับประทานริมถนนสวนใหญ่เป็นอาหารทะเลหรือซีฟู้ดนั่นเอง จะเห็นได้ว่ามีร้านชื่อดังที่มีเมนูซีฟู้ดมากมาย คุณสามารถเลือกรับประทานได้เลย เช่น เย็นตาโฟ แจงลอน ต้มยำกั้ง เป็นต้น ยังมีอาหารอื่น ๆ อีกมากมายที่น่าสนใจ และคุณต้องลิ้มลองให้ได้เมื่อเดินทางมาที่นี่

ในช่วงที่ท่องเที่ยว ชมสถานที่ต่าง ๆ เล่นน้ำทะเล และทำกิจกรรมอื่น ๆ ช่วงระหว่างวัน ก็ต้องเติมพลังด้วยเมนูอาหารอร่อย ๆ เพื่อให้การท่องเที่ยวไม่สะดุด โดยร้านที่เราจะแนะนำไปรับประทาน ถ้ามาที่นี่แล้วต้องห้ามพลาด ก็คือ ร้านเจ๊หมวยลูกชิ้นปลานั่นเอง ซึ่งถ้าแค่ทราบชื่อก็น่าจะทราบได้แล้วว่าที่นี่มีอะไรโดดเด่น ที่ต้องลอง ถึงจะดูเหมือนกับร้านอาหารตามสั่งทั่วไปที่เราสามารถรับประทานได้ที่ใกล้บ้าน แต่บอกเลยว่าร้านนี้มีของเด็ดมากกว่าที่คุณคิด รับรองเลยว่าถ้าได้ชิมแล้วต้องติดใจแน่นอน

เพราะที่ร้านเจ๊หมวยลูกชิ้นปลานั้น มีความพิเศษที่ทำลูกชิ้นปลาหลากหลายชนิด แล้วยังมีสิ่งที่เด็ดมากกว่านี้ ก็คือ ทางร้านทำลูกชิ้นเองสด ๆ ก่อนที่จะนำมาขายหรือใส่ก๋วยเตี๋ยว ทางร้านได้คิดและพัฒนาสูตรด้วยตนเอง ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกับร้านก๋วยเตี๋ยวร้านอื่น ๆ ที่เลือกใช้ลูกชิ้นสำเร็จรูปนั่นเอง หากคุณกำลังต้องการอาหารดี ๆ และเป็นอาการประเภท Street Food ร้านนี้เป็นร้านที่เหมาะกับคุณมาก ๆ เป็นอีกร้านที่ถึงจะดูธรรมดา เป็นร้านอาหารทั่วไป แต่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน

ถ้าแวะมาท่องเที่ยวที่จังหวัดชลบุรีแล้ว คุณต้องมาลองรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้เลย โดยร้านนี้มีเมนูหลากหลาย ทั้งเมนูลูกชิ้นทำเอง และก๋วยเตี๋ยวด้วย ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละเมนู ทางร้านมีป้ายราคาขนาดใหญ่แสดงอยู่ทางหน้าร้าน สั่งได้ง่ายดายและรวดเร็วแน่นอน ใครจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวที่นี่ คุณต้องมาก่อนเวลารับประทานอาหาร เพราะร้านนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของคนที่นี่และนักท่องเที่ยวอื่น ๆ นั่นเอง

เมนูเด็ด ๆ ของทางร้านเจ๊หมวยลูกชิ้นปลานั้น คือ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟและก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ในแต่ละเมนูก็ใส่เครื่องเน้น ๆ รับประทานที่นี่แล้วคุ้มแน่นอน อย่างก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ที่มีซอสเข้มข้นสีชมพู ช่วยเติมรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ตามฉบับเย็นตาโฟ อีกเมนูเด็ด ก็คือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ปรุงรสแบบกลมกล่อมด้วยการใส่พริกป่นผสมกับถั่วลิสง ทำให้ได้รสชาติน่ารับประทาน มีกลิ่นหอมเครื่องเทศและซอสที่ใช้ปรุงรสด้วย น้ำซุปที่หอม เข้มข้น และที่ทำให้ร้านนี้มีลูกค้ามาตลอดนั่นเอง

นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็ยังมีจุดเด่นหลักของทางร้าน ก็คือ “ลูกชิ้นปลา” นั่นเอง โดยที่นี่มีลูกชิ้นปลาหลากหลายรสชาติ เช่น ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นรักบี้ ฮื้อก๋วย เป็นต้น ลูกชิ้นปลาของทางร้านมีชิ้นที่ใหญ่แต่พอดีคำ ในแต่ละถ้วยจะได้ลูกชิ้นและเกี๊ยวปลาในปริมาณที่พอดี แต่จะสั่งลูกชิ้นอะไร แบบไหน แค่ได้รับประทานลูกชิ้นก็อิ่มคุ้มแล้ว เพราะร้านนี่เขาใส่ลูกชิ้นและเครื่องจดเต็มมาก ๆ ลองไปรับประทานกันดู แล้วจะรู้ว่าอร่อย ไปทานแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

ในแต่ละเมนู ก็มีเครื่องแตกต่างกัน อย่างก๋วยเตี๋ยวต้มยำ จะเน้นลูกชิ้นปลาและฮื้อก๋วย เน้นเครื่องต้มยำ ส่วนก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ จะเพิ่มตับหมูและหมึกกรอบ สามารถเลือกรับประทานได้ตามความชอบเลย ซึ่งนอกจากเมนูหลักแล้ว ก็ยังเมนูรับประทานเล่นเอาไว้ให้ลูกค้าที่ร้านได้ซื้อพกพากลับไปรับประทานที่บ้านอีกด้วย อย่างหนังปลาทอดกรอบ ที่ร้านแห่งนี้ มีเมนูหลากหลายอย่างที่ทำจากปลา ทั้งอาหารจานหลักและของรับประทานเล่นอีกด้วย ใครชอบหรือรักเมนูปลา ไปแล้วต้องหลงรักแน่นอน

ร้านเจ๊หมวยลูกชิ้นปลา เปิดร้าน 8.00 – 17.00 น. ร้านตั้งอยู่ที่ถนนพระยาสัจจา ตรงข้ามเทศบาลบ้านสวน ถ้าคุณชื่นชอบการรับประทานลูกชิ้นปลา หรือต้องการชิมรสชาติก๋วยเตี๋ยวที่มีลูกชิ้นทำเองสดใหม่แบบนี้ ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดชลบุรี ก็ห้ามพลาดการไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่ร้านนี้เลย ถ้าอยากรู้ว่าลูกชิ้นปลาสูตรของทางร้านจะเป็นอย่างไร อร่อยแบบไหน ก็ต้องลองไปชิมกัน รับรองว่าคุณจะลืมก๋วยเตี๋ยวและลูกชิ้นปลาแบบเดิม ๆ ที่เคยรับประทานไป และติดใจอาหารของร้านนี้อย่างแน่นอน